แต่ย้อนกลับไปในวัยเด็ก โซเลมานีไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบาย เขาเกิดในครอบครัวที่ยากจน และไม่ได้รับการศึกษาทางการที่สูงนัก ในวัย 13 ปี เขาต้องทำงานหนักเพื่อจ่ายคืนหนี้ ที่ผู้เป็นพ่อสร้างไว้และไม่สามารถจ่ายคืนเองได้ 4. แต่ชีวิตของเขาก็พบจุดเปลี่ยน เมื่อเกิดสงครามระหว่าง อิหร่าน-อิรัก ขึ้นในทศวรรษ 1980 โซเลมานีเข้าร่วมสงครามในฐานะพลทหารธรรมดา แต่ความสามารถด้านกลยุทธ์และการทหาร ทำให้ภารกิจที่เขาได้รับมอบหมายในสงครามครั้งนั้นพบแต่ความสำเร็จ เมื่อบวกกับความโด่ดเด่นด้านความเป็นผู้นำ ทำให้เมื่อสงครามจบในอีก 8 ปีต่อมา โซเลมานีกลายเป็นหนึ่งในฮีโร่สงครามสำหรับชาวอิหร่าน และเป็นหนึ่งในนายทหารอายุน้อยที่โด่ดเด่นที่สุดคนหนึ่ง 5. 10 ปีต่อมา ในปี 1998 โซเลมานีได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการของหน่วยรบพิเศษคุดส์ (Quds Force) ซึ่งถือเป็นหน่วยหนึ่งของ กองกำลังป้องกันการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (Islamic Revolutionary Guard Corps: IRGC) ที่ปัจจุบันมีกองกำลังอยู่กว่า 150, 000 คน ทั้งกองกำลังทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ หน่วยรบพิเศษคุดส์มีหน้าที่สำคัญ ในการขยายอิทธิพลของอิหร่านไปทั่วตะวันออกกลาง โดยปฏิบัติการของหน่วยรบพิเศษคุดส์ มีตั้งแต่การจัดหาอาวุธให้พันธมิตรและสร้างเครือข่ายกองกำลังติดอาวุธที่ภักดีต่ออิหร่าน, ช่วยเหลือกองกำลังมุสลิมชีอะห์และชาวเคิร์ดต่อสู้กับซัดดัม ฮุสเซน ในอิรัก, เป็นผู้วางกลยุทธ์ให้ บาชาร์ อัล-อัสซาด (Bashar al-Assad) ในสงครามกลางเมืองซีเรีย จนสามารถยึดพื้นที่คืนจากกลุ่มกบฏได้, รวมถึงในเลบานอนและปาเลสไตน์ ที่หน่วยรบพิเศษคุดส์เข้าไปช่วยเหลือและจัดหาอาวุธให้ทั้งกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ในเลบาบอน และกลุ่มฮามาส (Hamas) ในปาเลสไตน์ จะเห็นได้ว่าภายใต้การนำของนายพลโซเลมานี หน่วยรบพิเศษคุดส์ของอิหร่านได้เข้าไปมีบทบาทอย่างสูงในการเมืองและความขัดแย้งของหลายประเทศในตะวันออกกลาง รวมถึงได้สร้างและสนับสนุนเครือข่ายกองกำลังติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรกับอิหร่านขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน อิรัก ซีเรีย และเลบานอน 6.
แต่สิ่งที่ทำให้สหรัฐฯ ไม่พอใจนายพลโซเลมานีมากที่สุด คือการที่เขามีส่วนทำให้ทหารอเมริกันในตะวันออกกลางเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก โดยหลังจากที่สหรัฐฯ บุกอิรักในปี 2003 นายพลโซเลมานีได้สั่งการให้กองกำลังติดอาวุธในอิรักที่เป็นพันธมิตรกับอิหร่าน โจมตีฐานที่มั่นและกองกำลังทหารอเมริกันในอิรัก รวมถึงเป็นผู้จัดหาระเบิดที่สามารถฉีกทะลุเกราะรถถังของสหรัฐฯ ให้กับกองกำลังในอิรักด้วย เป็นเหตุให้ทหารอเมริกันเสียชีวิตไปหลายร้อยนาย นอกจากนั้นแล้ว กลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มที่หน่วยรบพิเศษคุดส์เข้าไปให้การสนับสนุน ยังถูกสหรัฐฯ จัดให้เป็น “กลุ่มก่อการร้าย” ด้วย ทั้งกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอน และกลุ่มฮามาส 7. จนในที่สุด ในเดือน เม. ย. ปี 2019 ที่ผ่านมานี้เอง กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ประกาศให้ กองกำลังป้องกันการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (Islamic Revolutionary Guard Corps: IRGC) ซึ่งเป็นหน่วยงานแม่ของหน่วยรบพิเศษคุดส์ เป็น “กลุ่มก่อการร้าย” อย่างเป็นทางการ โดยให้เหตุผลกว่า IRGC ทำให้ทหารอเมริกันในอิรักเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 603 คนนับตั้งแต่ปี 2003 อีกทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการวางแผนก่อการร้ายต่างๆ ทั่วตะวันออกกลางซึ่งเป็นเหตุให้พลเมืองสหรัฐฯ ต้องเสียชีวิต นอกจากนั้น ยังระบุด้วยว่า IRGC ได้เคยวางแผนการก่อการร้ายที่จะสังหารทูตของซาอุดิอาระเบียประจำสหรัฐฯ บนแผ่นดินของสหรัฐฯ เอง เพียงแต่ว่าแผนการดังกล่าวถูกสกัดกั้นไว้ได้ก่อน นั่นเท่ากับว่านับตั้งแต่เดือน เม.
พระเจ้าชาห์ปกครองอิหร่านอยู่นานกว่า 25 ปี แต่ในที่สุดเสียงสนับสนุนของเขาจากประชาชนและชนชั้นนำด้วยกันก็เสื่อมถอยลงจากปัญหาหลายอย่าง จนในปี 1979 เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ขึ้นในอิหร่านเพื่อขับไล่พระเจ้าชาห์ โดยในครั้งนั้นชาวอิหร่านกว่า 2 ล้านคนออกมาประท้วงบนท้องถนน ในที่สุดพระเจ้าชาห์ต้องลงจากตำแหน่ง และทำให้ อยาตอลเลาะห์ โคไมนี (Ayatollah Khomeini) ขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดของอิหร่านแทน และนับจากนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่าง สหรัฐฯ และอิหร่าน ก็มีแต่แย่ลง ท่ามกลางความรู้สึกของชาวอิหร่านในขณะนั้น ที่รู้สึกไม่พอใจและต่อต้านชาวอเมริกันอย่างสูง 11. หลังจากพระเจ้าชาห์ถูกขับออกจากตำแหน่งในปี 1979 เขาได้เดินทางไปรักษาโรคมะเร็งที่สหรัฐฯ ในขณะที่ทางการอิหร่านได้ขอให้สหรัฐฯ ส่งตัวพระเจ้าชาห์กลับประเทศ เพื่อขึ้นศาลจากข้อครหาเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เขาทำในช่วงครองอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ตำรวจลับในปฏิบัติการปิดปากผู้เห็นต่าง แต่ทางการสหรัฐฯ ปฏิเสธไม่ส่งตัวพระเจ้าชาห์กลับไปให้อิหร่าน 12.
ด้วยบทบาทที่หลากหลายและทรงอิทธิพลของเขาในตะวันออกกลาง ทำให้อดีตเจ้าหน้าที่ CIA ของสหรัฐฯ อย่าง John Maguire เคยให้สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่ปี 2013 ว่า นายพลโซเลมานี “เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตะวันออกกลาง” นอกจากนี้ ในอิหร่าน เขายังถูกมองว่าเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดอันดับ 2 รองจาก อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดเท่านั้น อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นรัฐมนตรีการต่างประเทศตัวจริงของอิหร่านในเรื่องความสงบและสงคราม 3.
ในยุคประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯ ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศดำดิ่งถึงจุดต่ำสุด เมื่อในปี 2002 ประธานาธิบดีบุชประณามว่าอิหร่านเป็นหนึ่งในประเทศ “แกนแห่งความชั่วร้าย” (Axe of evil) ร่วมกับอิรักและเกาหลีเหนือ โดยสาเหตุหลักมาจากการที่อิหร่านเดินหน้าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างเต็มตัว 15. จนในที่สุดในปี 2006 อิหร่านถูกนานาชาติคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างหนัก หลังจากที่ยังไม่หยุดโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และการสะสมแร่ยูเรเนียมที่ใช้ในหัวรบนิวเคลียร์ การคว่ำบาตรระลอกนี้ทำให้เงินลงทุนจากต่างชาติที่ลงไปสู่อิหร่านหยุดชะงัก การส่งออกน้ำมันของอิหร่านออกไปขายในหลายประเทศถูกตัดขาด รวมถึงเงินฝากและเงินลงทุนที่อิหร่านมีในหลายประเทศ ก็ถูกอายัดไว้ชั่วคราวด้วย เรียกได้ว่าการคว่ำบาตรระลอกนี้ทำให้เศรษฐกิจของอิหร่านเสียหายอย่างหนัก 16.
ความสัมพันธ์สหรัฐ-อิหร่านยังไม่มีทางออก - VOV World
ค. 2016 อิหร่านสามารถเข้าถึงทรัพย์สินในต่างประเทศมูลค่ากว่า 100, 000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ถูกอายัดไว้ก่อนนี้ได้ รวมถึงสามารถขายน้ำมันในตลาดต่างประเทศ และใช้ระบบการเงินโลกในการค้าขายได้อีกครั้ง เรียกได้ว่า เป็นดีลที่ วิน-วิน สำหรับทั้งอิหร่านที่ต้องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ และประชาคมโลกที่ต้องการเห็นอิหร่านระงับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ 18. แต่ข้อตกลงนิวเคลียร์ดังกล่าวนี้ก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อในเดือน พ. 2018 ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้ประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ดังกล่าว โดยบอกว่า นี่เป็นดีลแย่ๆ ที่อิหร่านได้ประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว เป็นข้อตกลงที่ไม่ควรมีการเซ็นกันแต่ต้น อีกทั้งยังเป็นข้อตกลงที่ไม่มีทางนำความสุขสงบมาได้เลย นับแต่นั้นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ก็มีแต่ดิ่งเหวลง และการที่สหรัฐฯ ประกาศให้ กองกำลังป้องกันการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (Islamic Revolutionary Guard Corps: IRGC) เป็นองค์กรก่อการร้ายช่วงกลางปี 2019 ก็เหมือนเป็นอีกหนึ่งเชื้อเพลิง ที่พร้อมจะโหมให้ไฟความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศลุกโชนขึ้นได้อีก 19.
02.00 น. กลุ่ม B : อิหร่าน - สหรัฐอเมริกา : สนามอัล ธูมามา สเตเดียม
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ เริ่มดีขึ้นในยุคประธานาธิบดีโอบามา โดยในปี 2013 โอมาบาได้คุยทางโทรศัพท์กับ ฮัสซาน รูฮานี (Hassan Rouhani) ประธาธิบดีของอิหร่าน โดยถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ที่ทั้งสองประเทศพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ 17. ต่อมาในปี 2015 อิหร่านได้ทำ “ข้อตกลงนิวเคลียร์” กับประเทศมหาอำนาจ 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน และเยอรมนี โดยอิหร่านจะยอมลดปริมาณการถือครองแร่ยูเรเนียมความบริสุทธิ์ต่ำลง 98% ทำลายสต็อคแร่ยูเรเนียมความเข้มข้นปานกลางที่มีอยู่ทั้งหมด และในช่วงเวลา 15 ปีข้างหน้า อิหร่านจะสกัดแต่ยูเรเนียมที่มีความบริสุทธิ์ไม่เกิน 3. 67% ซึ่งสามารถนำไปใช้ในโรงไฟฟ้าได้เท่านั้น (การผลิตหัวรบนิวเคลียร์ ต้องใช้ยูเรเนียมที่มีความบริสุทธิ์ 90% ขึ้นไป) โดยแลกกับการที่ 6 ประเทศมหาอำนาจ รวมถึงสหภาพยุโรป ยกเลิกการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน หลังจากข้อตกลงนิวเคลียร์ดังกล่าวเริ่มบังคับใช้ในเดือน ม.
ความระหองระแหงระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ในยุคประธานาธบดีทรัมป์ มาถึงจุดแตกหักจากเหตุการณ์เมื่อปลายเดือน ธ. 2019 โดยในวันศุกร์ที่ 27 ธ. ฐานทัพสหรัฐฯ ใกล้เมือง Kirkuk ประเทศอิรัก ถูกโจมตีด้วยจรวดขีปนาวุธกว่า 30 ลูก เป็นเหตุให้พลเมืองสหรัฐฯ 1 คน ที่ทำงานในฐานทัพดังกล่าวเสียชีวิต โดยการโจมตีในครั้งนี้ สหรัฐฯ สรุปว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์ (Kataib Hezballah) กองกำลังติดอาวุธในอิรักที่หน่วยรบพิเศษคุดส์ของอิหร่านให้การสนับสนุน 20. สหรัฐฯ ทำการตอบโต้การโจมตีครั้งนี้ทันที โดยในวันอาทิตย์ที่ 29 ธ. สหรัฐฯ ได้ใช้ขีปนาวุธทำลายฐานที่มั่นของกลุ่มคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์ 3 แห่งในอิรัก และอีก 2 แห่งในซีเรีย เป็นเหตุให้กองกำลังของกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าว 25 คนเสียชีวิต และอีก 51 คนบาดเจ็บ จากเหตุการณ์นี้ อาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส (Abu Mahdi al-Muhandis) ผู้นำของกลุ่มคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์ ได้ประกาศกร้าวว่า “เลือดของผู้พลีชีพครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า” และ “เราจะตอบโต้ทหารอเมริกันในอิรักอย่างหนักให้สาสม” 21.
ความไม่พอใจของชาวอิหร่านที่มีอยู่เป็นทุนเดิมต่อสหรัฐฯ ที่มองว่าเป็นทั้งผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารในอิหร่านในทศวรรษ 1950 รวมถึงความพยายามของสหรัฐฯ ที่พยายามบั่นทอนกองกำลังปฏิวัติอิหร่านในการขับไล่พระเจ้าชาห์ ทำให้ในเดือน พ. 1979 นักศึกษาหัวรุ่นแรงกลุ่มหนึ่งได้บุกเข้าไปในสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน และจับตัวประกันชาวอเมริกันจำนวน 52 คน ไว้นาน 444 วัน เหตุการณ์ดังกล่าวนี้รู้จักกันในชื่อ “วิกฤติตัวประกันอิหร่าน” (Iran hostage crisis) และยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ยิ่งแย่ลง หลังเหตุการณ์ดังกล่าว สหรัฐฯ ได้เริ่มมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านเป็นครั้งแรก 13.
สรุป สหรัฐฯ VS อิหร่าน แบบเข้าใจง่ายขบวนรถยนต์ของ นายพลกาเซม โซเลมานี (Qasem Soleimani) นายทหารคนสำคัญของอิหร่าน ขณะกำลังเดินทางออกจากสนามบินในกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก ส่งผลให้นายพลโซเลมานีเสียชีวิตทันที นี่ไม่ใช่การโจมตีทางการทหารธรรมดาๆ เพราะเป้าหมายในครั้งนี้ คือนายพลผู้ทรงอิทธิพลที่สุด และถือเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดอันดับ 2 ของอิหร่าน เป็นรองแค่ อาลี คาเมเนอี (Ali Khamenei) ผู้นำสูงสุดเท่านี้ การโจมตีที่ทำให้โลกต้องตกตะลึงครั้งนี้มีที่มาอย่างไร อิหร่านและพันธมิตรในตะวันออกกลางจะตอบโต้สหรัฐฯ แบบไหน ความขัดแย้งครั้งนี้จะนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านหรือไม่ รวมถึงคำถามที่หลายคนสงสัย ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นชนวนไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ได้หรือไม่ ทีมข่าวเวิร์คพอยท์มีคำตอบให้ใน 28 ข้อ 1. นายพลกาเซม โซเลมานี ถือเป็นนายทหารคนสำคัญที่สุดของอิหร่าน ในวันที่เสียชีวิต เขาอายุ 62 ปี และเป็นผู้บัญชาการของหน่วยรบพิเศษคุดส์ (Quds Force) ที่ปฏิบัติการอยู่ทั่วตะวันออกกลาง เขาคือผู้ชักใยความเคลื่อนไหวหลายอย่างที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ทั้งสงครามกลางเมืองในซีเรีย การขึ้นมาของกลุ่มติดอาวุธในอิรัก รวมถึงมีบทบาทอย่างสูงในสงครามต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย ISIS ทั่วตะวันออกกลาง 2.
02.00 น. กลุ่ม B : อิหร่าน - สหรัฐอเมริกา : สนามอัล ธูมามา สเตเดียม